วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เยี่ยม ดา ตุลาคม 2553

ประเวศ ประภานุกูล ทนายความของ ดา

เยี่ยมไปก่อน แต่ ไปเยี่ยมดา แล้วครับกลับมาใช้หนี้ ที่คุณแมวไปแล้วเยี่ยมไม่ได้ไม่ใช่ ดาไม่ยอมพบ แต่ราชทัณฑ์ไม่ให้เยี่ยมจริงๆ แต่ไม่ใช่ห้ามเยี่ยมเด็ดขาดเลย บุคคลที่ราชทัณฑ์รู้จัก เช่น พี่ชาย ทนายของดา เข้าเยี่ยมได้เลย ส่วนคนอื่น เขาจะให้ดา ทายชื่อ 3 ครั้ง หากทายถูกก็ให้เยี่ยม เหตุผลก็คือ เพื่อความปลอดภัยของดาเอง 1.คดีอุฉกรรจ์ 2.กระจกห้องเยี่ยมไม่กันกระสุน 3.ไม่มีเครื่องตรวจอาวุธ

ถ้าดาเป็นอะไรไปพวกเขาจะเดือดร้อน แต่การไม่ให้เยี่ยมใช้วิธีให้ดาเซ็นต์ไม่ต้องการให้เยี่ยมเอง
เงินที่คุณแมวฝากไว้ ดายังไม่ทราบ(บอกเขาแล้ว) แต่ดาบอกว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่ถ้าไม่บอกก็อาจช้าหน่อยกว่าจะแจ้งดา ปกติก็ 3-7 วัน

ตอนนี้คุกนี้แออัดมาก พื้นที่ของทัณฑสถานหญิงกลางรองรับผู้ต้องขังได้เพียงพันกว่าคน แต่ตอนนี้มีเข้าไปถึงหกพันกว่า ขนาดพื้นที่ห้องนอนของดากำหนดให้รองรับผู้ต้องขังได้ไม่เกิน 137 คน แต่ตอนนี้มีผู้ต้องขัง 192 คน เวลานอนต้องนอนตะแคงเท่านั้น(เพราะความแออัด) คำพูดเปรียบเปรยคือ นั่งกระเบื้อง 1 แผ่น นอนกระเบื้องแผ่นครึ่ง(หมายถึงความกว้างของการนั่งและนอน เปรียบเทียบกับกระเบื้องปูพื้นขนาด 30x30 ซม. การที่แออัดเพิ่มขึ้นเพราะมีผู้ต้องขังเข้ามากกว่าออก อัตราเฉลี่ยประมาณ เข้า 7 คน ออก 1 คน ต่อวัน โดยเฉลี่ยก็เท่ากับเพิ่มขึ้นวันละ 6 คน(ผมลืมถามว่าเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร) ผู้ต้องขังที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 90 % เป็นคดียาเสพติด ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นกับคนแก่"

สำหรับการส่งจดหมายถึงดา ถ้าส่งเป็น EMS จะถึงดาใน 3 -7 วัน แล้วถ้าใครต้องการให้ดาเขียนจดหมายตอบ ขอความกรุณาส่งแสตมป์(สอดใส่ซองและควรบอกในจดหมายด้วย-ป้องกันการโดนอมแสตมป์-จดหมายถึงผู้ต้องขังทุกฉบับจะถูกเจ้าหน้าที่แกะอ่านก่อน(อันนี้เป็นเรื่...องที่ทำกันทั่วโลก)

อีกอย่าง ที่อยู่ของดาเรียกชื่อเล่นว่า "ลาดยาว" ไม่ใช่ "คลองเปรม" "คลองเปรม" หมายถึงอีกที่หนึ่ง(ทั้งที่อยู่ในรั้วเดียวกัน ผมก็งงเหมือนกัน)

คนที่อยากส่งเงินให้ดา สามารถส่งทางธนานัติได้--ส่วนที่อยู่ไปรษณีย์ผมจำไม่ได้ ตอนนี้คงต้องรบกวนให้ค้นเองก่อน หรือไม่ก็โพสต์มาถามวันหลัง

เกือบลืม หนังสือ CD ส่งเข้าไปให้ดาไม่ได้ จะไปไม่ถึงดา หนังสือที่บริจาคเข้าห้องสมุดแดนแรกรับ ดายืมอ่านได้-ซึ่งก็รวมถึงผู้ต้องขังคนอื่น ทุกคน-ส่วน CD ถ้าส่งให้ดาเขาก็ไม่ให้ดาเช่นกัน(คิดว่าน่าจะตีกลับทั้งหนังสือ กับ CD เพราะผมเคยส่งหนังสือร้องเรียนอธิบดีราชทัณฑ์ตอนส่ง CD หลักฐานในคดีเข้าไป แล้วดาเปิดฟังไม่ได้ โดยโวยว่าไม่บอกว่าดาเปิดฟังไม่ได้ และเป็นหลักฐานในคดีที่ศาลสั่งพิจารณาลับ ห้ามเปิดเผย ตอนหลังเขาเอามาคืนผม5555 ที่จริงตอนนั้นโวยเพื่อตอบโต้ที่เขากำลังจะลงโทษขังเดี่ยวดา พอประชาไทลงข่าว เขาก็ยกเลิกการลงโทษดา)

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ดา ตอปิโด - สิงหาคม 2553

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผมได้ไปเยี่ยม คุณดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอปิโด” ผมไปถึงเรือนจำหญิงเวลาประมาณ 9.00 น. ยื่นคำร้องขอเยี่ยม หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผมเกิดความรู้สึกกระวนกระวาย เมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำได้เรียกผมไปพบ แล้วบอกว่า ดา จำไม่ได้ว่า ผมเป็นใคร ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า มาเยี่ยมกี่ครั้งแล้ว มาจากกลุ่มไหน เป็นต้น ในที่สุด เธอจำได้ จึงมีโอกาสพบ

ประมาณ 10.30 น. ผมได้ยินเสียงประกาศเรียกให้ไปพบ “ดา” ที่ช่อง 52 เมื่อไปถึงเธอรออยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มและขอโทษที่จำไม่ได้ ซึ่ง เธอตำหนิการอยู่ในเรือนจำนานเกินไป ทำให้สมองไม่ได้ทำงานจึงมีความจำหลงลืม

จากนั้น เธอเริ่มพูดถึงความคิดเห็นของเธอต่อการเคลื่อนไหวในเดือนพฤษภาคมว่า ถึงเวลาที่เสื้อแดงต้องนั่งลงและตั้งจิตภาวนาแผ่เมตตาให้กับศัตรู พวกเขาต้องสงบเพื่อทบทวนการเคลื่อนไหว 3 ปีที่ผ่านมาว่ามีทิศทางถูกต้องหรือไม่? ถ้าถูกต้อง แล้วความพ่ายแพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร? สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ สามเกลอไม่มีความสามารถในการนำพาการต่อสู้ของขบวนการเสื้อแดง พวกเขาไม่มียุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการเคลื่อนไหว พวกเขาควรพิจารณาตัวเอง เธอเล่าว่าได้บวชชีพารมณ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนเมษายนและพฤษภาคม ระหว่างวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

แต่เธอเริ่มถึงหัวหน้าคนใหม่ที่โอนอ่อนให้กับนักโทษต่างชาติ เช่น เมื่อนักโทษต่างชาติทะเลาะกับนักโทษคนไทย และนักโทษต่างชาติคนนั้นเป็นฝ่ายผิด หัวหน้าคนนี้ก็จะไม่เอาโทษ ขณะที่ถ้านักโทษคนไทยทำผิดจะถูกลงโทษ โดยไม่เมตตาปรานี วันก่อน เธอเพิ่งทะเลาะวิวาทกับนักโทษต่างชาติ โดยฝ่ายนั้นกระทำกับเธอก่อน แต่หัวหน้าแดนไม่เอาผิดฝ่ายนั้น เธอรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม เจ้าหน้าที่เรือนจำมักจะกลัวคำขู่ของนักโทษต่างชาติว่าจะฟ้องสถานทูต เรื่องนี้จึงไม่ถูกต้อง เธอจะร้องเรียนถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้แก้ไขเรื่องนี้ แน่นอนเธอตระหนักดีว่า ข้าราชการของเรือนจำส่วนใหญ่ทุ่มเทและทำงานหนัก แต่เรื่องไม่ถูกต้องควรได้รับการแก้ไข

กลับมาสู่การสนทนาทางการเมือง เธอพูดว่า เธอไม่มีความเชื่อมั่นใจพรรคเพื่อไทย เธอแน่ใจว่า พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืนเมื่อไร เช่น ข่าวพรรคภูมิใจไทยของเนวินพยายามตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคเพื่อไทย ผมบอกเธอว่า เรื่องนี้น่าจะการขู่ของเนวิน เพราะประชาธิปัตย์เพิ่งเบรกโครงการรถเอ็นจีวี 4,000 คัน แต่เธอยังคงหวาดระแวงพรรคเพื่อไทย และให้ความเห็นเพิ่มเติมเสื้อแดงต้องพัฒนายกระดับตัวเองสำหรับการต่อสู้ในระยะยาว

เธอยังคงพอใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเธอเล่าประสบการณ์ในสมัยที่เธอยังเป็นนักข่าว เธอเห็นว่า เขาเป็นคนที่มีความสามารถ ตั้งใจบริหารประเทศและแบ่งปันทรัพยากรให้ทุกส่วนในสังคม อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่า ถ้ามีคนที่ดีกว่าหรือเท่ากับ เธอก็พร้อมที่จะเลือก สำหรับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เธอเล่าว่าเธอไม่ประทับใจกับตัวอภิสิทธิ์ ตั้งแต่เข้าสู่วงการเมืองใหม่ๆ เพราะเธอเห็นว่า คนผู้นี้สมองว่างเปล่า ไม่มีแก่นสาร ญาติพี่น้องฝ่ายภรรยาของอภิสิทธิ์ เห็นว่า เขาเป็นคนไม่มีอุดมการณ์

เมื่อถามถึงสุขภาพของเธอ เธอบอกว่า เนื่องจากเลือดของเธอแข็งตัวช้า จะเป็นอันตรายระหว่างผ่าตัดได้ สาเหตุเกิดจากสุขภาพเธอยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร จึงต้องใช้เวลาฟื้นตัว แต่เธอย้ำว่า สุขภาพกายจะเป็นอย่างไร ก็ไม่เท่ากับสุขภาพใจที่คับแค้นและร้อนรุ่ม

เมื่อถึงตอนนี้ เวลาการสนทนาก็จบลง ถ้าผมมีโอกาสไปเยี่ยมเธออีก ผมจะนำมาเล่าฟัง