วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ดา ตอปิโด - สิงหาคม 2553

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผมได้ไปเยี่ยม คุณดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอปิโด” ผมไปถึงเรือนจำหญิงเวลาประมาณ 9.00 น. ยื่นคำร้องขอเยี่ยม หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผมเกิดความรู้สึกกระวนกระวาย เมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำได้เรียกผมไปพบ แล้วบอกว่า ดา จำไม่ได้ว่า ผมเป็นใคร ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า มาเยี่ยมกี่ครั้งแล้ว มาจากกลุ่มไหน เป็นต้น ในที่สุด เธอจำได้ จึงมีโอกาสพบ

ประมาณ 10.30 น. ผมได้ยินเสียงประกาศเรียกให้ไปพบ “ดา” ที่ช่อง 52 เมื่อไปถึงเธอรออยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มและขอโทษที่จำไม่ได้ ซึ่ง เธอตำหนิการอยู่ในเรือนจำนานเกินไป ทำให้สมองไม่ได้ทำงานจึงมีความจำหลงลืม

จากนั้น เธอเริ่มพูดถึงความคิดเห็นของเธอต่อการเคลื่อนไหวในเดือนพฤษภาคมว่า ถึงเวลาที่เสื้อแดงต้องนั่งลงและตั้งจิตภาวนาแผ่เมตตาให้กับศัตรู พวกเขาต้องสงบเพื่อทบทวนการเคลื่อนไหว 3 ปีที่ผ่านมาว่ามีทิศทางถูกต้องหรือไม่? ถ้าถูกต้อง แล้วความพ่ายแพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร? สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ สามเกลอไม่มีความสามารถในการนำพาการต่อสู้ของขบวนการเสื้อแดง พวกเขาไม่มียุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการเคลื่อนไหว พวกเขาควรพิจารณาตัวเอง เธอเล่าว่าได้บวชชีพารมณ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนเมษายนและพฤษภาคม ระหว่างวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

แต่เธอเริ่มถึงหัวหน้าคนใหม่ที่โอนอ่อนให้กับนักโทษต่างชาติ เช่น เมื่อนักโทษต่างชาติทะเลาะกับนักโทษคนไทย และนักโทษต่างชาติคนนั้นเป็นฝ่ายผิด หัวหน้าคนนี้ก็จะไม่เอาโทษ ขณะที่ถ้านักโทษคนไทยทำผิดจะถูกลงโทษ โดยไม่เมตตาปรานี วันก่อน เธอเพิ่งทะเลาะวิวาทกับนักโทษต่างชาติ โดยฝ่ายนั้นกระทำกับเธอก่อน แต่หัวหน้าแดนไม่เอาผิดฝ่ายนั้น เธอรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม เจ้าหน้าที่เรือนจำมักจะกลัวคำขู่ของนักโทษต่างชาติว่าจะฟ้องสถานทูต เรื่องนี้จึงไม่ถูกต้อง เธอจะร้องเรียนถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้แก้ไขเรื่องนี้ แน่นอนเธอตระหนักดีว่า ข้าราชการของเรือนจำส่วนใหญ่ทุ่มเทและทำงานหนัก แต่เรื่องไม่ถูกต้องควรได้รับการแก้ไข

กลับมาสู่การสนทนาทางการเมือง เธอพูดว่า เธอไม่มีความเชื่อมั่นใจพรรคเพื่อไทย เธอแน่ใจว่า พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืนเมื่อไร เช่น ข่าวพรรคภูมิใจไทยของเนวินพยายามตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคเพื่อไทย ผมบอกเธอว่า เรื่องนี้น่าจะการขู่ของเนวิน เพราะประชาธิปัตย์เพิ่งเบรกโครงการรถเอ็นจีวี 4,000 คัน แต่เธอยังคงหวาดระแวงพรรคเพื่อไทย และให้ความเห็นเพิ่มเติมเสื้อแดงต้องพัฒนายกระดับตัวเองสำหรับการต่อสู้ในระยะยาว

เธอยังคงพอใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเธอเล่าประสบการณ์ในสมัยที่เธอยังเป็นนักข่าว เธอเห็นว่า เขาเป็นคนที่มีความสามารถ ตั้งใจบริหารประเทศและแบ่งปันทรัพยากรให้ทุกส่วนในสังคม อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่า ถ้ามีคนที่ดีกว่าหรือเท่ากับ เธอก็พร้อมที่จะเลือก สำหรับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เธอเล่าว่าเธอไม่ประทับใจกับตัวอภิสิทธิ์ ตั้งแต่เข้าสู่วงการเมืองใหม่ๆ เพราะเธอเห็นว่า คนผู้นี้สมองว่างเปล่า ไม่มีแก่นสาร ญาติพี่น้องฝ่ายภรรยาของอภิสิทธิ์ เห็นว่า เขาเป็นคนไม่มีอุดมการณ์

เมื่อถามถึงสุขภาพของเธอ เธอบอกว่า เนื่องจากเลือดของเธอแข็งตัวช้า จะเป็นอันตรายระหว่างผ่าตัดได้ สาเหตุเกิดจากสุขภาพเธอยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร จึงต้องใช้เวลาฟื้นตัว แต่เธอย้ำว่า สุขภาพกายจะเป็นอย่างไร ก็ไม่เท่ากับสุขภาพใจที่คับแค้นและร้อนรุ่ม

เมื่อถึงตอนนี้ เวลาการสนทนาก็จบลง ถ้าผมมีโอกาสไปเยี่ยมเธออีก ผมจะนำมาเล่าฟัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น